Month: January 2019

นักการตลาดไม่น้อยเลยทีเดียวรับสารภาพว่าการสร้างภาพที่แลเห็นไม่เหมาะสมกับพวกเขา

ข่าวดี? ความคิดสร้างสรรค์ได้รับการเล่าเรียนดังนั้นคุณไม่ต้องดิ้นรนกับการตลาดเชิงภาพอีกเลย

คุณมุ่งหมายปรับแก้กลยุทธ์โซเชียลมีเดียของคุณโดยรวมเนื้อหาที่เป็นภาพเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ การตลาดแบบเห็นภาพเป็นมากกว่าการค้นหาคำกล่าวที่สร้างแรงบันดาลใจใน Google แล้วก็การโพสต์ซ้ำ

แม้กระนั้นคุณอาจถามตัวเองว่าคุณจะสร้างภาพลักษณ์ที่น่าดึงดูดรวมถึงแบ่งปันได้อย่างไร บางสิ่งที่ผู้คนประสงค์มีความเกี่ยวเนื่องและแบ่งปันกับผู้ชมของพวกเขา?

มีรายงานและจากนั้นก็ข้อมูลล้นหลามเกี่ยวกับทางสร้างภาพทางการตลาดเชิงภาพ แต่ว่าข้อมูลนี้อาจใช้เวลายาวนานหลายสัปดาห์กว่าจะผ่านไปได้และก็เลยนำไปใช้กับธุรกิจของคุณ

โน่นเป็นเหตุผลที่เราทำงานให้คุณแล้ว บทความนี้นำเสนอเคล็ดลับเกี่ยวกับกระบวนการสร้างเนื้อหาภาพที่มีส่วนร่วมมากขึ้น

 

วิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการตลาดเชิงภาพ

สถาบันการตลาดเนื้อหาพูดว่า 70% ของนักการตลาดกำลังในการผลิตเนื้อหาที่เป็นภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆ

ถามตัวเองว่าคุณผลิตเนื้อหาภาพเพียงพอไหม หากคุณไม่ได้อาจเกิดจากคุณกลัวคำว่า ‘การออกแบบ‘ อย่ากลัวคำเสนอแนะเหล่านี้สามารถช่วยคุณได้

ในบทความนี้เรานำเสนอแนวทางล้นหลามเพื่อผลักดันเป้าหมายของคุณสำหรับเพื่อการสร้างเนื้อหาที่เป็นภาพเยอะขึ้นการศึกษาเล่าเรียนเคล็ดวิธีเหล่านี้จะมีผลให้สาระสำคัญภาพของคุณติดอยู่กับผู้ค้นหาเว็บ

การสร้างเนื้อหาที่มองเห็นเป็นเป้าประสงค์ชั้น 1 ในรายการความรู้ความเข้าใจการศึกษาเล่าเรียนของนักการตลาดและต้องเป็นของคุณด้วยเหมือนกัน (Socialmediaexaminer.com)

ผู้ชมของคุณตอบรับต่อตัวเสนอแนะภาพ

วิดีโอและก็อินโฟกราฟิกตอบรับอยู่ในระดับสูงตลอดเวลา คุณใช้กลอุบายเหล่านี้เพื่อโต้กลับกับผู้ชมของคุณหรือไม่

ในปี 2014 การใช้การตลาดผ่านวิดีโอมากเพิ่มขึ้น 8% และการใช้แรงงานอินโฟกราฟิกเพิ่มมากขึ้น 9% (ที่มา: DemandGenReport)

ในฐานะเจ้าของธุรกิจที่บ้านคุณต้องอุทิศเวลาและก็ทรัพยากรมากขึ้นเรื่อยๆในการสร้างเนื้อหาภาพ โพสต์ Facebookที่มีบัญชีรูปหรือวิดีโอคิดเป็น 87% ของการโต้ตอบที่มากขึ้น (ที่มา: EMarketer.com)

สิ่งนี้แสดงว่า? ผู้ใช้ Facebook กำลังมองหามากกว่าการวิงวอนให้ดำเนินการเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ พวกเขาอยากได้โพสต์ที่แบ่งปันแนวคิดทำเชื่อมต่อแล้วก็หลบเลี่ยงการใช้เนื้อความมากเกินความจำเป็น ระยะนี้ตามเวลาที่จะเปลี่ยนไปใช้การตลาดแบบเห็นภาพหากโพสต์ของคุณมีเนื้อความจำนวนมาก คุณสามารถเริ่มวันนี้เพิ่มภาพถ่ายหรือภาพในโพสต์ของคุณ

อะไรทำให้ภาพเครือข่ายสังคมที่แชร์ได้ เพราะอะไรเราจำต้องพึงใจผู้คนที่แชร์ภาพของเรา ปัญหาที่ดี ครั้งใดก็ตามมีคนแบ่งปันภาพของคุณคุณพึ่งจะได้รับการตลาดฟรี พวกเขากำลังเปิดใจความของคุณถึงผู้ชมของพวกเขา สิ่งนี้ช่วยทำให้ปรับคุณประสบความสำเร็จเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยค่าใช้สอยลดน้อยลง!

มาดูสิ่งที่ทำให้ภาพโซเชียลมีเดียแชร์กันได้:

1. อารมณ์:เมื่อคนอ่านของคุณรู้สึกว่าพวกเขาจะแบ่งปัน

2. ความเกี่ยวพัน:ภาพของคุณน่าจะเหมาะสมกับผู้ชมของคุณและก็ผู้ชมของพวกเขาด้วย

3. สี:ใช้สีที่ควรเพื่อกับกิริยาท่าทางของผู้ชมของคุณและจากนั้นก็คุณจะได้รับส่วนแบ่งมากยิ่งขึ้น

4. วิชาการพิมพ์:เลือกแบบอักษรที่ดูดีและก็เข้ากันได้ เลือกแบบอักษรที่ผู้ชมของคุณสามารถอ่านได้

5. แฮชแท็กและก็ประเด็นหลัก:เลือกคำที่เหมาะเพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมโต้ตอบ

หนทางที่สำคัญที่สุดในการปรับเนื้อหาของโซเชียลมีเดียให้ยอดเยี่ยมคือการใช้รูปภาพรวมทั้งภาพถ่ายเป็นหัวหน้า เน้นย้ำการสร้างเนื้อหาภาพที่ยอดเยี่ยมเพื่อล่อใจผู้ชมของคุณรวมทั้งทำให้พวกเขากลายเป็นวิถีทางขาย ที่ด้านหลังคุณจะมีข้อมูลอย่างละเอียดลออเพื่อแยกผู้ค้นหาจากผู้ใช้

ผู้ซื้อที่จริงจังจะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในชีวิตของพวกเขา ข้อมูลจำพวกนี้และการสัมมนาผ่านเว็บกรณีศึกษารวมทั้งรายงาน (หรือเอกสารด้านเทคนิค) เนื้อหาภาพเปิด ‘ประตู‘ สำหรับผู้ใช้ตามที่เป็นจริงจังในการเข้าถึงข้อมูลรายละเอียดส่วนหลังของคุณ

รับออกแบบโลโก้ให้เหมาะกับร้านค้าและธุรกิจ

ด้วยยุคสมัยนี้ใครๆก็อยากจะมีธุรกิจหรือร้านค้าเป็นของตนเองซึ่งก็เป็นยุคทองของคนที่ต้องการขายสินค้าหรือมีหน้าร้านเพราะเนื่องจากมีแพลตฟอร์มออกมาให้เราใช้ฟรีกันมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น facebook intragarm youtube เราจึงเห็นว่ามีแบรนด์เกิดขึ้นมากมายหลายยี่ห้อในแต่ละวัน แต่ละยี่ห้อต่างก็มีสัญลักษณ์และลักษณะเฉพาะซึ่งสื่อถึงรูปแบบของธุรกิจตนเอง เพื่อที่จะเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการจดจำ เมื่อเราไปเห็นสัญลักษณ์ที่มีลักษณะแบบนี้ก็จะทำให้เรานึกถึงร้านค้าหรือสินค้าของยี่ห้อนี้ได้ “โลโก้” จึงเป็นตัวบ่งบอกเรื่องราวและสื่อถึงร้านค้าธุรกิจของเราว่า รูปแบบธุรกิจเราเป็นธุรกิจประเภทไหนหรือเราขายสินค้าประเภทไหนอยู่

โดยส่วนมากแล้วเราเห็นการรับออกแบบโลโก้ให้เหมาะกับร้านค้าและธุรกิจจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ โลโก้ที่เป็นสัญลักษณ์ โลโก้ที่เป็นตัวอักษร เราจะเลือกโลโก้ให้เหมาะกับธุรกิจหรือร้านค้าของเราได้อย่างไร ลองมาดูกันก่อนว่าความแตกต่างระหว่าง 2 ประเภทนี้ แตกต่างกันอย่างไร

• โลโก้ที่เป็นสัญลักษณ์

การออกแบบโลโก้ให้เหมาะกับร้านค้าและธุรกิจประเภทนี้ อาจจะใช้เป็นรูปภาพหรือตัวอักษรแค่ซักตัวสอง

ตัวแล้วนำมาตกแต่งเป็นรูปทรงต่างๆ ใส่สีหรือลวดลายที่สื่อได้ถึงธุรกิจร้านค้าเราได้แน่นอน เป็นที่น่าจดจำเวลาคนมอง มองแล้วสามารถที่จะเข้าใจหรือจดจำได้ว่าสัญลักษณ์แบบนี้สื่อถึงอะไร การออกแบบโลโก้ในลักษณะนี้เหมาะกับร้านค้ากับองค์กร ทุกๆประเภท ที่ต้องการให้คนจดจำแบรนด์ของตนเอง ส่วนราคาจะมีตั้งแต่ถูกถึงแพงมากแล้วแต่ผู้ให้บริการและความยากง่ายของชิ้นงาน และอาจจะใช้เวลาในการออกแบบมากกว่าโลโก้ที่มาจากตัวอักษร

• โลโก้ที่เป็นตัวอักษร

ในรูปแบบตัวอักษรนี้สามารถออกแบบได้ง่าย ไม่ซับซ้อน คือบ่งชี้ไปเลยว่าร้านค้าหรือธุรกิจของเราทำอะไรอยู่ ตัวอย่างเช่น “รับปริ๊นงานด่วน” เมื่อคนที่ผ่านไปผ่านมาขับรถมาเห็นก็จะสามรถอ่านออกเลยว่า ร้านค้านี้รับปริ้นงานด่วนได้เลย อ่านแล้วเข้าใจตรงกัน โดยส่วนมากแล้วการออกแบบโลโก้ลักษณะนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนและใช้เวลาในการออกแบบไม่นานมาก แค่เลือกลักษณะของฟอนต์ใส่สีใส่ลวดลายตามที่เจ้าของแบรนด์ชอบอีกนิดหน่อยก็จะสามารถนำมาใช้งานได้เลย เหมาะสำหรับคนที่เร่งด่วน ไม่ได้ประกอบธุรกิจที่มีขนาดใหญ่โตมาก หรือคนที่ขายของตามเพจออนไลน์ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน โดยมากแล้วราคาการออกแบบโลก็ประเภทนี้จะมีราคาถูก

สรุปคือการออกแบบโลโก้ให้เหมาะกับร้านค้าและธุรกิจ เราต้องรู้แนวทางก่อนว่าอยากจะได้โลโก้ประเภทไหน ซึ่งถ้าเลือกเป็นโลโก้แบบสัญสักษณ์ ผู้คนอาจจะต้องใช้เวลาในการจดจำแบรนด์ระยะเวลาหนึ่งคนถึงจะจำได้ แต่ถ้าเป็นร้านที่ต้องการสื่อแบบระบุชัดเจนเลยว่า ขายสินค้าประเภทนั้นประเภทนี้ หรือร้านเรารับทำ รับซ่อมสินค้าชนิดต่างๆ ก็ควรเลือกเป็นโลโก้ประเภทตัวอักษร